“ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

“ความตกลงปารีส” (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

visibility 6,889

ความตกลงปารีส (Paris Agreement) เกิดขึ้นจากการประชุม COP ครั้งที่ 21 ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2558 เป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นส่วนขยายและเพิ่มเติม (Supplementary Agreement) ต่อจาก พิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol–KP) ปี พ.ศ. 2540 เพื่อกำหนดมาตรการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากพิธีสารเกียวโตนั้นมีข้อจำกัดไม่สามารถแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีของพิธีสารฯ ดังกล่าว

ความตกลงปารีส” นั้นมุ่งเน้นที่จะให้มีข้อตกลงใหม่นอกเหนือจากพิธีสารเกียวโต เพื่อให้มีผลผูกพันครอบคลุมประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ของโลก

ภายหลังจากการประชุม COP21 ในการประชุมครั้งถัดมา หรือ COP22 ได้มีการเปิดให้ลงนาม “ความตกลงปารีส” อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2559 ซึ่งตรงกับวันคุ้มครองโลก (Earth Day) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในนิวยอร์ก และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 หลังมีประเทศภาคีร่วมให้สัตยาบันเกิน 55 ประเทศ และมีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมกันมากกว่า 55 เปอร์เซ็นต์ของโลก นับจากนั้นเป็นต้นมา มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมข้อตกลงนี้เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีประเทศภาคีสมาชิกร่วมลงนามในความตกลงปารีสแล้วทั้งสิ้น 197 ประเทศ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

สาระสำคัญของความตกลงปารีส

ความตกลงปารีส” มุ่งเน้นให้ประเทศภาคีเกิดการเสริมสร้างการตอบสนองต่อภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในศตวรรษนี้ให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม และพยายามรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ครอบคลุมในเรื่องของการลดก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) โครงสร้างทางการเงิน (Climate Finance) กลไกการสร้างความโปร่งใส (Transparency) การทบทวนการดำเนินงานระดับโลก (Global Stocktake) และการให้การสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ทั้งในด้านการพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างศักยภาพของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงทางการเงิน โดยประเทศภาคีต้องมีข้อเสนอการดำเนินการที่เรียกว่า Nationally Determined Contribution (NDC) ของประเทศทุก ๆ 5 ปี
โดยประเทศภาคี แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มภาคผนวกที่ 1 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และกลุ่มที่ 2 กลุ่มประเทศนอกกลุ่มภาคผนวกที่ 1 ซึ่ง เป็นประเทศกำลังพัฒนา

“ความตกลงปารีส” กับสหรัฐอเมริกา

สหรัฐอเมริกา ภายใต้การดำเนินการของคณะบริหารอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้ให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงร้อยละ 26-28 เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยในปี พ.ศ. 2548 ให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2568 แต่ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้น ได้ทำให้กฎระเบียบและนโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ต้องหย่อนยาน และทรัมป์ ยังได้เป็นผู้สั่งการให้สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากความตกลงปารีสอย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ถอนตัวอย่างเป็นทางการออกจาก “ความตกลงปารีส” นับตั้งแต่ข้อตกลงนี้ได้เริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2558
ต่อมาในสมัย โจ ไบเดน หลังจากได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง และหลังจากดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 46 ได้ลงนามในคำสั่งพิเศษ เมื่อ 20 มกราคม 2564 นำสหรัฐฯ กลับเข้าเป็นภาคีในความตกลงปารีสอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างเร่งด่วนตามที่เคยหาเสียงไว้ ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญ โดยคาดว่าไบเดนจะสามารถผลักดันแผนเศรษฐกิจมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเดินหน้ากระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอนจากโรงไฟฟ้าภายในปี พ.ศ. 2578 และบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี พ.ศ. 2593

“ความตกลงปารีส” กับประเทศไทย

สำหรับประเทศไทยนั้นได้เข้าร่วม “ความตกลงปารีส” เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2559 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และได้มอบสัตยาบันสารเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสของไทยให้กับนายบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้ข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กับประชาคมโลก (National Determined Contribution – NDC) โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ร้อยละ 20–25 ภายในปี พ.ศ. 2573 ตามร่างแผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564–2573 (Thailand’s Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021–2030 หรือ NDC Roadmap on Mitigation 2021–2030) ผ่านการดำเนินการในสาขาต่าง ๆ อาทิ สาขาพลังงานและขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และสาขาการจัดการของเสีย


แหล่งข้อมูลอ้างอิง:

 

  • www.unfccc.int/process-and-meetings/the-paris-agreement/the-paris-agreement/key-aspects-of-the-paris-agreement
  • www.nrdc.org/stories/paris-climate-agreement-everything-you-need-know#sec-whatis
  • www.thai-inter-org.mfa.go.th/th/page/ความตกลงปารีส?menu=5d847835517e9b159b5eba97
  • www.climate.onep.go.th/th/topic/policy-and-strategy/thailand-ndc-roadmap-on-mitigation/
  • www.tgo.or.th/2020/index.php/th/post/โจ-ไบเดน-นำสหรัฐฯ-กลับเข้าร่วมความตกลงปารีส-paris-agreement-เพื่อแก้ปั-หาโลกร้อน-703
  • www.tgo.or.th/2020/index.php/th/post/สหรัฐอเมริกา-กลับสู่-ความตกลงปารีส-อย่างเป็นทางการ-440
อาจารย์ ดร.ศุภณัฐ พานา ดำรงตำแหน่ง "ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ อนุสาขาวิชาสังคมศึกษา"

อาจารย์ ดร.ศุภณัฐ พานา ดำรงตำแหน่ง "ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ อนุสาขาวิชาสังคมศึกษา"

ลดโลกร้อนด้วย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions

ลดโลกร้อนด้วย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions

ประชาสัมพันธ์ ถึงนิสิตทุกคณะ ทุกชั้นปี

ประชาสัมพันธ์ ถึงนิสิตทุกคณะ ทุกชั้นปี

กรุณาทำแบบสำรวจและคัดกรอง ความพิการเพื่อการดูแลช่วยเหลือสนับสนุน ทางการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่าน QR CODE